ทำความรู้จักกันก่อน “กัลวาไนซ์” คืออะไรและทำไมเราต้องนำเหล็กไปชุบกัลวาไนซ์
การนำเหล็กไปชุบกัลวาไนซ์ (Galvanizing) เป็นการป้องกันการเกิดสนิมได้เป็นอย่างดี ซึ่งหากเราปล่อยให้สนิมกัดกินเนื้อเหล็ก จะทำให้เหล็กผุกร่อน สร้างความเสียหายต่อชิ้นงานหรือโครงสร้างอย่างมาก ยิ่งถ้าเป็นเรื่องของโครงสร้างอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างด้วยแล้วยิ่งอันตราย เนื่องจากเราไม่สามารถรู้หรือเห็นได้เลยว่าเหล็กที่ซ่อนอยู่ในโครงสร้างนั้นมีสภาพเป็นอย่างไร ยังพร้อมใช้งานอยู่หรือเสียหายหรือไม่ ดังนั้น การที่เรานำเหล็กไปชุบกัลวาไนซ์ หรือสังกะสีก่อนก็จะช่วยให้เหล็กไม่เป็นสนิม ยืดอายุการใช้งานไปได้อีกกว่า 70+ ปีเลย อ่านเพิ่มเติมได้ที่ ทำไมต้องนำเหล็กไปชุบกัลวาไนซ์ (Galvanizing) ก่อนใช้งาน?
ในปัจจุบันนี้มีวิธีการชุบกัลวาไนซ์ (Galvanizing) หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น การจุ่มร้อน (Hot dip galvanized), การชุบเคลือบสังกะสีแบบจุ่มร้อนด้วยกระบวนการต่อเนื่อง (Continuous Hot Dip Galvanizing), การชุบสังกะสีแบบหมุนเหวี่ยง Centrifuge galvanizing (Spinning), การเคลือบสังกะสีด้วยไฟฟ้า (Electrogalvanizing), การเคลือบด้วยวิธีทางกล (Mechanical Coatings), การพ่นเคลือบด้วยเปลวความร้อน (Zinc Spraying), การทาด้วยสีฝุ่นสังกะสี (Zinc-Rich Paints), การเคลือบด้วยเทคนิคเชอร์ราไดซ์ซิ่ง (Sherardizing)
และถึงแม้จะมีวิธีการชุบกัลวาไนซ์ที่หลากหลาย แต่วิธีที่นิยมกันมากที่สุดคือการจุ่มร้อน (HDG – Hot dip galvanized) การชุบแบบจุ่มร้อนนี้จะสามารถนำเหล็กที่มีขนาดและรูปทรงต่าง ๆ ลงไปจุ่มในบ่อที่เต็มไปด้วยสังกะสีหลอมเหลวอุณหภูมิ 450 องศาเซลเซียส แต่ในกรรมวิธีนั้นต้องผ่านขั้นตอนอีกมากมาย ทั้งการเตรียมวัสดุก่อนชุบจนไปถึงการลงน้ำยาเพื่อป้องกันวัสดุเพื่อยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานขึ้นอีกด้วย
8 ขั้นตอนการชุบกัลวาไนซ์ให้ได้คุณภาพมาตรฐานสากล
ขั้นตอนที่ 1 ขจัดคราบน้ำมัน พื้นผิวเหล็กจะถูกทำความสะอาดเพื่อขจัดน้ำมัน จารบี และสิ่งสกปรกด้วยสารละลายชนิดด่างหรือสารละลายประเภทตัวทำละลาย เพื่อเตรียมพื้นผิวให้พร้อมสำหรับกระบวนการต่อไป หลังจากการขจัดคราบมันวัสดุจะถูกล้างด้วยน้ำเพื่อกำจัดสารเคมีและสิ่งสกปรกที่ตกค้างออก
ขั้นตอนที่ 2 การแช่กรด เหล็กจะถูกแช่ในสารละลายกรดไฮโดรคลอริกเพื่อกำจัดสนิม สะเก็ดสนิมจากการรีดร้อนและออกไซด์ ทำให้ได้ผิวเหล็กเปลือยที่สะอาดพร้อมสำหรับการชุบต่อไป จากนั้นนำไปล้างน้ำเพื่อล้างให้สะอาด
ขั้นตอนที่ 3 การจุ่มสารฟลักซ์ เหล็กที่ผ่านการทำความสะอาดแล้วจะถูกจุ่มในสารละลายสังกะสีแอมโมเนียมคลอไรด์ (Zinc Ammonium Chloride Flux) เพื่อป้องกันการเกิดออกไซด์และช่วยเพิ่มการยึดเกาะระหว่างสังกะสีและเหล็กในกระบวนการชุบกัลวาไนซ์
ขั้นตอนที่ 4 การอบแห้ง ก่อนการชุบกัลวาไนซ์ วัสดุจะถูกอบแห้งเพื่อลดความชื้นที่อาจก่อให้เกิดข้อบกพร่องระหว่างการจุ่มในสังกะสีหลอมเหลว
ขั้นตอนที่ 5 การจุ่มในบ่อสังกะสี เหล็กที่ผ่านการอบแห้งจะถูกจุ่มลงในอ่างสังกะสีหลอมเหลวที่อุณหภูมิประมาณ 450 องศาเซลเซียส สังกะสีจะทำปฏิกิริยาทางโลหะวิทยากับเหล็กจนเกิดเป็นชั้นเคลือบที่ทนทานต่อการกัดกร่อน
ขั้นตอนที่ 6 การชุบเย็น หลังจากการชุบกัลวาไนซ์เสร็จสิ้น เหล็กจะถูกทำความเย็นอย่างรวดเร็วในถังน้ำเย็น ขั้นตอนนี้ช่วยเพิ่มความคงตัวของชั้นเคลือบและปรับปรุงประสิทธิภาพในการจัดการวัสดุ
ขั้นตอนที่ 7 การป้องกันสนิมขาว หลังจากการชุบเย็น จะมีการบำบัดผิวกัลวาไนซ์ด้วยกระบวนการป้องกันสนิมขาว เพื่อชะลอการเกิดสนิมขาวในระหว่างการจัดเก็บและขนส่ง รวมถึงช่วยยืดอายุการใช้งานและรักษาคุณภาพของชั้นเคลือบในระยะยาว
ขั้นตอนที่ 8 การทำให้เย็นและตรวจสอบคุณภาพ หลังจากการทำความเย็นขั้นสุดท้าย จะมีการตรวจสอบด้วยสายตาและวัดความหนาของชั้นกัลวาไนซ์เพื่อให้มั่นใจว่าตรงตามมาตรฐานคุณภาพสากล เช่น ASTM, BS หรือ JIS
ด้วยประสบการณ์กว่า 35 ปี และกำลังการผลิตชุบกัลวาไนซ์แบบจุ่มร้อนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย สยามสตีลกัลวาไนซ์ซิ่ง (SSG) มุ่งมั่นส่งมอบงานชุบกัลวาไนซ์คุณภาพสูงสำหรับงานอุตสาหกรรม ด้วยความแม่นยำ รวดเร็ว และครอบคลุมทั่วประเทศ
โรงงานทั้งสามแห่งของเรามีกระบวนการผลิตที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐาน พร้อมความมุ่งมั่นด้านคุณภาพและความยั่งยืน ทำให้เราเป็นพันธมิตรที่เชื่อถือได้สำหรับงาน โครงสร้างพื้นฐาน พลังงาน การก่อสร้าง การผลิต และอุตสาหกรรมหลากหลายประเภท หลากหลายธุรกิจ
เบอร์โทรศัพท์ 02-705-8755
E-mail : ส่งอีเมลถึงเรา
Official Line: @ssggalvanizing หรือคลิก เพื่อเพิ่มเพื่อน @LINE
#SSG #SiamSteelGalvanizing
#HotDipGalvanizing #เหล็กกัลวาไนซ์ #มาตรฐานสากล #ชุบกัลวาไนซ์ #ตะแกรงเหล็กชุบกัลวาไนซ์